อิมเมจิน ไทยแลนด์ฯ เปิดแนวคิดสร้างสังคมสุขภาวะ “เริ่มได้ทันที เริ่มจากตัวเรา คนในครอบครัว และคนรอบข้าง”
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสังคมอย่างสุดขั้ว เกิดเป็นความท้าทายด้านสุขภาวะของคนในสังคมทั้ง 4 ด้าน คือ สุขภาพทางกาย (Physical Health) สุขภาพจิต (Mental Health) ทางสังคม (Social Health), และทางปัญญา/จิตวิญญาณ (Spiritual Health) ซึ่งเชื่อมโยงกันเป็นองค์รวม เพื่อทำให้คนในสังคมมีสุขภาวะที่ดี มีร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คน และมีปัญญารู้เท่าทันชีวิตอย่างสมดุล และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน เราจะเริ่มจากจุดไหนได้บ้าง “สังคมสุขภาวะไม่ได้เริ่มจากนโยบายใหญ่ แต่มันเริ่มจากหัวใจเล็กๆ ที่ตื่นรู้ และเลือกจะเปลี่ยนแปลง” คือคำยืนยันจาก ดร. อุดม หงส์ชาติกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ห้องปฏิบัติการทางสังคม (ประเทศไทย) ซึ่งริเริ่มการขับเคลื่อนสังคมสุขภาวะภายใต้ Imagine Thailand Movement และโครงการร่วมพัฒนาพื้นปลอดภัย ปลอดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพในชุมชนและสถานประกอบการ ด้วยมาตรการชุมชน มาตรการองค์กร สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี มานี้ จากการทำงานลงพื้นที่ไปทำงานร่วมกับชุมชนต่างๆ ต่อเนื่อง เช่นที่ตำบลเจ็ดเสมียน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ตำบลคลองพน อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ และตำบลคลองมหาสวัสดิ์ จังหวัดนครปฐม รวมถึงเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ก่อการดี ปราชญ์ ศิลปิน และศิลปินแห่งชาติ รวมเกือบ 10 พื้นที่ ดร. อุดม หงส์ชาติกุล ได้สรุป 5 แนวทาง ในการสร้างสังคมสุขภาวะ พร้อมยืนยันว่า ทุกคนสามารถเริ่มได้ทันที แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พิสูจน์แล้วว่าเป็นไปได้ โดยเริ่มจากตัวเราเอง และเริ่มจากในครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด แต่สำคัญมากที่สุด ดังนี้
1. ครอบครัวสุขภาวะ : จุดเริ่มต้นของสังคมสุขภาวะ “ทุกการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ เสมอ
โดยครอบครัว คือหน่วยเล็กที่สุดของสังคม แต่เป็นฐานรากสำคัญที่สุดของสุขภาวะ สำหรับครอบครัวสุขภาวะคือครอบครัวที่อยู่ร่วมกันอย่างเข้าอกเข้าใจ มีพื้นที่ปลอดภัยในการฟัง และพูดอย่างเคารพกัน ไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำลายสุขภาพ และความสัมพันธ์ โดยจะพบว่าเมื่อบ้านหนึ่งหลังมีการเปลี่ยนแปลงที่ดี พลังแห่งความดีนั้นจะแผ่ไปถึงเพื่อนบ้าน ชุมชน และสังคม ในครอบครัวอาจจะมีการสร้างกติกาเล็กๆ ในบ้าน เช่น ไม่สูบบุหรี่ในบ้าน กินข้าวพร้อมกันวันละมื้อ และที่สำคัญคือ มีการพูดคำ ขอบคุณ กันทุกวัน การพูดคำขอบคุณ อาจดูเล็กน้อย แต่จริงๆแล้ว คือการปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งสุขภาวะ ที่สามารถงอกงามได้ในระยะยาว เพราะสุขภาวะของครอบครัว คือฐานของสุขภาวะสังคม”
2. ครอบครัวสู่ชุมชน : พลังของการอยู่ร่วมกันอย่างมีสุขภาวะ “ เมื่อครอบครัวสุขภาวะหลายครอบครัวมารวมกัน ชุมชนสุขภาวะก็จะเริ่มก่อร่างขึ้น ชุมชนสุขภาวะไม่จำเป็นต้องเริ่มจากโครงการใหญ่ แต่อาจเริ่มจากสิ่งเล็กๆ เช่น การตั้งกติกาชุมชนปลอดเหล้า บุหรี่ และยาเสพติด การเปิดพื้นที่สาธารณะปลอดภัยสำหรับเด็ก และผู้สูงอายุ การจัดตลาดสุขภาวะ ตลาดที่ปราศจากปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ เช่นที่ตำบลเจ็ดเสมียน ที่คนในชุมชนได้ประกาศให้ ตลาด 119 ปี เป็นตลาดสุขภาวะ ไร้ควันบุหรี่ สิ่งเหล่านี้ช่วยสร้าง *ข้อตกลงร่วม* ที่คนในชุมชนรู้สึกเป็นเจ้าของ และทำให้สุขภาวะ กลายเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง เพราะเมื่อชุมชนดูแลกันเองได้ ความสุขจะเติบโตได้เองโดยไม่ต้องสั่ง”
3. ผู้นำสุขภาวะ : พลังแห่งการเป็นแบบอย่าง “ผู้นำสุขภาวะ ไม่ได้หมายถึงผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำ หรือผู้บริหารองค์กรเท่านั้น แต่หมายถึง ทุกคนที่ลุกขึ้นมาเป็นแบบอย่างแห่งการเปลี่ยนแปลง เช่น พ่อแม่ที่เลิกสูบบุหรี่เพื่อลูก ผู้สูงอายุที่ชวนเพื่อนมาเดินออกกำลังกาย หรือเด็กที่เริ่มแยกขยะในบ้าน เช่นที่บ้านท่ามะพร้าว จ. กระบี่ เด็กๆทำเรื่องนี้จนสำเร็จ ทำให้ปัญหาขยะในชุมชนหมดไป เด็กสะกิดเตือนผู้ใหญ่ให้สวมหมวกกันน็อก จะเห็นว่าทุกคนล้วนคือผู้นำสุขภาวะในบทบาทของตนเอง หัวใจสำคัญคือ การเรียนรู้ข้ามวัย Intergenerational Learning เมื่อผู้สูงอายุแบ่งปันภูมิปัญญา และเยาวชนแบ่งปันพลังความคิดสร้างสรรค์ จะเกิดการเกื้อกูลระหว่างรุ่น เป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่อบอุ่น และมีพลังในการเปลี่ยนแปลง หัวใจของการเป็นผู้นำสุขภาวะ ไม่ได้หมายถึงการสั่งให้คนอื่นทำ แต่คือการเริ่มทำให้เห็นก่อน”
4. สุขภาวะเชื่อมโยง : บ้าน–โรงเรียน–ที่ทำงาน “สุขภาวะไม่ควรถูกจำกัดอยู่เพียงในบ้านหรือโรงพยาบาล แต่ต้องเดินทางไปพร้อมกับเราในทุกพื้นที่ของชีวิต ที่บ้านเราสร้างวัฒนธรรมการดูแลกัน ที่โรงเรียนเราสอนเด็กให้เห็นคุณค่าของความสุขที่แท้จริง ที่ทำงานเราสร้างสภาพแวดล้อมที่เห็นคนเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เครื่องมือ เมื่อแต่ละระบบย่อยมีสุขภาวะและเชื่อมโยงกันอย่างเอื้อเฟื้อ ในที่สุดก็จะเกิดสังคมสุขภาวะ ชุมชนสุขภาวะ ที่ขับเคลื่อนกันเองได้อย่างยั่งยืน ตัวอย่างของการเชื่อมโยงคือ โครงการบ้าน–โรงเรียนร่วมดูแลสุขภาพเด็ก การรณรงค์ องค์กรปลอดปัจจัยเสี่ยง การตั้งเครือข่ายครอบครัวสุขภาวะภายในชุมชน จะเห็นว่าสุขภาวะจะเกิดขึ้นจริง เมื่อบ้าน โรงเรียน และที่ทำงาน ร่วมมือกันเป็นเครือข่ายแห่งความห่วงใย หรือเรียกว่า บรม/ บวร ดังเช่นที่ตำบลเจ็ดเสมียน จ. ราชบุรี ตำบลคลองพน จ. กระบี่ ตำบลเจดีย์ชัย จ. น่าน ที่มีการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งมาก”
5. การมีพื้นที่สุขภาวะในชุมชน : คนในชุมชนร่วมกันออกแบบชีวิตและพื้นที่ให้เอื้อต่อความสุข “พื้นที่สุขภาวะ” หมายถึง พื้นที่ที่ปลอดจากปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาวะ พื้นที่ที่ผู้คนรู้สึกปลอดภัย เป็นมิตร และงดงามต่อใจ ทั้งในระดับบ้าน ชุมชน โรงเรียน หรือสถานที่ทำงาน ตัวอย่างเช่น บ้านที่ปลอดบุหรี่ มีพื้นที่สีเขียวเล็กๆ สำหรับพักใจ ชุมชนที่มีสวนสาธารณะให้ผู้สูงอายุและเด็กออกกำลังกายร่วมกัน โรงเรียนที่มีมุมสงบให้เด็กได้พักจากความเครียด องค์กรที่เปิดพื้นที่ให้พูดคุยเรื่องความรู้สึกและความสัมพันธ์ การออกแบบพื้นที่เหล่านี้คือการออกแบบความสัมพันธ์ใหม่ ให้ผู้คนได้กลับมาพบกัน ฟังกัน และร่วมมือกัน เพราะสุขภาวะไม่ได้เกิดจากสิ่งปลูกสร้าง แต่เกิดจาก ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้คนในพื้นที่นั้น”
ดร. อุดม หงส์ชาติกุล ย้ำว่า “การสร้างสังคมสุขภาวะ แม้จะไม่ง่าย แต่ด้วยพลังความร่วมมือของทุกคน จะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ในที่สุด และสามารถเริ่มได้จากวันนี้จากตัวเรา คนในครอบครัว และคนรอบข้าง โดยจากตัวเรา เริ่มได้โดยไม่ต้องรอให้ใครมาสร้างสังคมสุขภาวะแทน เพราะทุกการเลือกของเราในแต่ละวัน คือการสร้างสังคมนั้นอยู่แล้ว เมื่อเราดูแลใจตนเอง ก็หมายถึงเรากำลังสร้างครอบครัวสุขภาวะ เมื่อเราฟังเพื่อนบ้าน ก็แสดงว่าเรากำลังสร้างชุมชนสุขภาวะ เมื่อเราทำงานด้วยหัวใจ นั่นก็คือเรากำลังสร้างสังคมสุขภาวะ ซึ่งจากการขับเคลื่อนและทำเรื่องนี้มาโดยตลอดผมยืนยันว่า สุขภาวะไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่คือการเดินทางร่วมกัน และทุกก้าวเล็กๆ ที่เราก้าวไป…คือการสร้างสังคมสุขภาวะให้เกิดขึ้นจริง”
ขณะที่เรากำลังก้าวสู่ปีใหม่ พ.ศ.2569แล้ว ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร ทุกคนก็สามารถเริ่มทำเรื่องดีๆ เพื่อสุขภาวที่ดี ได้เลยเริ่มจากการตอบ 2 คำถาม “เราอยากเห็นสังคมไทย (ตัวเรา ครอบครัว ชุมชน ที่ทำงาน) เป็นอย่างไร เราอยากเห็นเด็กและเยาวชนไทย เป็นอย่างไร เมื่อได้คำตอบแล้ว ก็ค่อยๆ ลงมือทำสิ่งที่เราอยากเห็นให้เป็นจริง”
ผู้สนใจติดตามความเคลื่อนไหวการขับเคลื่อนสังคมสุขภาวะ Imagine Thailand Movement
สามารถดูรายละเอียดได้ทาง FacebookPage: ImagineThailandMovement https://www.facebook.com/imaginethailandmovement/











ไม่มีความคิดเห็น