เปิดหลักสูตรผู้นำธุรกิจไทย–ตะวันออกกลาง ชี้ประเทศค้าน้ำมันต้องการ “สินค้าไทย” เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่โรงแรมดิ เอมเม รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ สมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ร่วมกับ สถาบันการค้าไทย–ตะวันออกกลาง เปิดตัว “หลักสูตรผู้นำธุรกิจไทย–ตะวันออกกลาง สำหรับผู้บริหารระดับสูง (TME 2025)”

โดยมี นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการบริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิด

นายปกรณ์ กล่าวว่า หลักสูตรดังกล่าวจะช่วยพัฒนาผู้บริหารไทยให้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งกำลังมีบทบาทเพิ่มขึ้นในเศรษฐกิจโลก พร้อมเปิดเผยว่า หลายประเทศผู้ค้าน้ำมันมีความต้องการ “สินค้าไทย” จำนวนมาก ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าเฉพาะทาง เช่น พันธุ์ไม้สำหรับปลูกในประเทศที่มีสภาพทะเลทราย

“หลักสูตรนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะตลาดตะวันออกกลางต้องการสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผู้ประกอบการไทยจึงควรเข้าใจความต้องการด้านธุรกิจของภูมิภาคนี้ เพื่อใช้เป็นโอกาสในการขยายตลาด” นายปกรณ์ กล่าว

ด้าน นายไชยยา ตาบทิพย์วัฒนา นายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ตลาดตะวันออกกลางกำลังเป็นช่องทางธุรกิจสำคัญไม่แพ้จีนและยุโรป จึงร่วมมือกับสถาบันการค้าไทย–ตะวันออกกลาง จัดทำหลักสูตร TME 2025 เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดดังกล่าว โดยแบ่งการอบรมเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1. ความรู้ด้านวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมของชาวตะวันออกกลาง

2. มาตรฐานสินค้า เช่น การรับรองฮาลาล

3. การแมชชิ่งธุรกิจและศึกษาดูงานจริงในต่างประเทศ

โดยใช้ระยะเวลาอบรม 4 เดือน

นายไชยยา เสริมว่า หลักสูตรนี้โดดเด่นกว่าโครงการทั่วไป เพราะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าอบรมเดินทางดูงานและทดลองนำสินค้าจำหน่ายจริงในประเทศต่าง ๆ เช่น ซาอุดีอาระเบีย และบาห์เรน พร้อมทั้งเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางร่วมบรรยาย อาทิ นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา อดีตประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย

ด้าน น.ส.ภิญญาพัชร์ กิจธนินท์วงศ์ ผู้เข้าอบรมหลักสูตร TME 2025 เปิดเผยว่า หลังจากมีประสบการณ์เรียนและทำงานในออสเตรเลียกว่า 6 ปี พบว่าสินค้าไทยเป็นที่ชื่นชอบ แต่ยังจำกัดอยู่ในบางกลุ่มเท่านั้น อีกทั้งผู้บริโภคต่างประเทศมีความนิยมสินค้าแฮนด์เมดและสินค้าคุณภาพสูง ซึ่งสินค้าไทยมีศักยภาพไม่แพ้ชาติใด โดยตั้งใจผลักดัน “เสื่อจากจันทบุรี” สู่ตลาดโลก รวมถึงตลาดตะวันออกกลาง จึงสมัครเข้าร่วมหลักสูตรเพื่อเสริมองค์ความรู้และเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดในอนาคต